
วันที่ 3 พ.ค. หลังจากรัฐบาลประกาศผ่อนปรน 6 กิจกรรมเป็นวันแรก ในจำนวนนี้รวมถึงร้านตัดผมด้วย โดยบรรยากาศตั้งแต่ช่วงเช้า ร้านตัดผมแทบทุกแห่ง เนืองแน่นไปด้วยลูกค้าที่ต่างตั้งแถวรอคิวใช้บริการ ทั้งสุภาพบุรุษและสตรี
แต่ต้องงดเว้น บริการที่มีความเสี่ยงสูงต่อการสัมผัสถูกสารคัดหลั่ง หรือเลือด เช่น แคะหู ตัดขนจมูก ทำเล็บ งดเว้นบริการที่มีระยะเวลานาน เช่น ทำสีผม ยืดผม จัดให้มีระบบนัดคิวล่วงหน้า และให้มารับบริการตามเวลานัด โดยไม่มีการนั่งรอคิวภายในร้าน
งดเว้นบริการที่ต้องใช้อุปกรณ์ร่วมกัน ที่ไม่สามารถทำความสะอาดทันที หลังการใช้งานของลูกค้าแต่ละคนได้ เช่น อุปกรณ์แต่งหน้า
ส่วนแนวทางปฏิบัติสำหรับผู้ประกอบการ ประกอบด้วย
1.ให้ทำความสะอาด โดยการเช็ดทำความสะอาดพื้นผิวสัมผัสของร้าน อุปกรณ์ก่อนและหลังการ ให้บริการ และให้กำจัดขยะมูลฝอยทุกวัน
2.ให้เว้นระยะห่างระหว่างเก้าอี้ตัดผม อย่างน้อย 1.5 เมตร
3.ควรให้มีฉากกั้นในการให้บริการ และลดการพูดคุยที่ไม่จำเป็นระหว่างให้บริการ
4.ให้พิจารณาควบคุมจำนวนผู้ใช้บริการมิให้แออัด ด้วยการลดเวลาในการทำกิจกรรมให้สั้นลง เท่าที่จำเป็น และงดรอรับบริการภายในร้าน โดยถือหลักหลีกเลี่ยงการติดต่อสัมผัสระหว่างกัน
5.ให้มีการเปลี่ยนผ้าคลุมตัดผมทุกครั้งที่ให้บริการ
6.จัดการให้มีการระบายอากาศภายในร้านที่ดี
7.อาจเพิ่มมาตรการ ใช้แอพพลิเคชั่นติดตามตัวทางโทรศัพท์เคลื่อนที่ มาใช้ได้ตามความเหมาะสม และความจำเป็น หรือใช้มาตรการควบคุม ด้วยการบันทึกข้อมูลและรายงานในบางพื้นที่ก็ได้
ก่อนเปิดให้บริการทุกวัน ให้ตรวจคัดกรองอาการป่วย ไข้ ไอ จาม หรือเป็นหวัด สำหรับพนักงานทุกคน โดยอาจตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายพนักงานทุกคน ก่อนเข้าทำงานทุกครั้ง และให้มีแนวทางปฏิบัติที่เหมาะสมในการดูแล หรือส่งต่อผู้ที่มีอาการป่วยไป สถานพยาบาล
เช่น กรณีพบผู้ที่มีอุณหภูมิร่างกายสูงกว่า 37.5 องศาเซลเซียส ให้หยุดงาน และสังเกตอาการตนเองที่บ้าน โดยรวมทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สสอ. สสจ. หรืออสม. จะลงพื้นที่ตรวจสอบตามที่ได้รับแจ้ง
และสุ่มตรวจทุก 2 สัปดาห์ หากประเมินไม่ผ่านเกณฑ์ในเกณฑ์การให้บริการข้อใด จะให้หยุดให้บริการ และปรับปรุงการบริการจนกว่าจะผ่านเกณฑ์
ขอบคุณข้อมูลจาก : Khaosod